การ์ดแต่งงาน มีทั้งแบบที่ออกแบบใหม่เพื่อให้ตรงตามความต้องการของบ่าวสาวแบบทุกรายละเอียดและไม่ซ้ำกับใคร กับแบบที่ทางร้านมี template อยู่แล้วซึ่งไม่สามารถแก้ไขได้ ความต่างก็จะอยู่ที่ราคาเป็นหลัก
1. การ์ดแต่งงาน Logo และแบบการ์ด โลโก้สำหรับงานแต่งงานค่อนข้างมีความสำคัญ เพราะจะเป็นภาพจำให้กับแขก เป็นสัญลักษณ์แทนตัวบ่าวสาว ที่จะนำไปใช้ในส่วนต่างๆของงานเพื่อบ่งบอกว่าคืองานของเรา เช่น นำไปใส่ในแท็กของชำร่วย อยู่บนฉากที่ใช้ถ่ายรูปกับแขก หรือนำไปใส่ในรูปภาพ Photobooth เป็นต้น ตัวโลโก้นี้มีให้บริการ 2 รูปแบบ คือ ออกแบบให้ใหม่เลยตามบรีฟของบ่าวสาว หรือ เลือกตาม template ที่ร้านการ์ดมีแล้วเปลี่ยนเป็นชื่อเรา ทั้งสองแบบนี้ต่างกันที่ค่าใช้จ่าย บ่าวสาวสามารถเลือกได้ตามงบที่แต่ละคู่ตั้งไว้ได้เลย


แต่มีข้อควรระวังเล็กน้อย! สำหรับการใช้โลโก้แบบที่เป็น template ที่ร้านการ์ดมีอยู่แล้ว แบบนี้ส่วนใหญ่จะไม่มีค่าใช้จ่ายในส่วนของค่าออกแบบ แต่ร้านจะไม่ให้ไฟล์ ai กับเรา หากต้องการไฟล์ ai จะต้องเสียเงินเพิ่ม ซึ่งค่าไฟล์ ai ที่บางร้านคิด สามารถนำไปจ้างออกแบบโลโก้ที่เค้าให้ไฟล์ ai กับเราได้เลยก็มี จึงควรสอบถามร้านให้ดีตั้งแต่ขั้นตอนตกลงก่อนว่าจ้าง
2. ขนาดของการ์ดแต่งงานและซอง การ์ดแต่งงาน มีให้เลือกหลายทรง หลายขนาด มีทั้งทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า ทรงสี่เหลี่ยมจตุรัส หรือแม้แต่ทรงวงกลมก็มี บ่าวสาวสามารถเลือกตามความชอบได้เลย ส่วนขนาดที่นิยมกันคือ ขนาด 5×7 นิ้ว เพราะแขกสามารถพกพาได้สะดวกไม่ใหญ่เกินไป หรือถ้าแจกผู้ใหญ่เยอะจะเลือกเป็นขนาด 6×8 นิ้วก็ได้ เพราะสามารถใส่ตัวได้ใหญ่หน่อยแต่ก็จะพกพายากขึ้น
ข้อควรระวัง! ถ้าเลือกการ์ดที่มีไซส์หรือทรงที่แปลก หรือพิเศษมากๆจะลำบากในการหาซองกรณีที่เราพิมพ์ซองผิดเยอะๆแล้วซองที่ทางร้านให้มาพร้อมกับการ์ดไม่พอ ถ้าจะต้องไปสั่งให้ร้านผลิตซองให้ใหม่เพิ่มก็จะกลายเป็นค่าใช้จ่ายที่บานปลาย เพราะการผลิตซองใหม่เพิ่มจำนวนไม่เยอะ ราคาต่อซองก็จะแพงมาก เผลอๆแพงกว่าค่าการ์ดเสียอีก นอกจากนี้การ์ดที่เป็นขนาดมาตราฐานทั่วไปยังมีซองหลากสีให้เลือกมากมายอีกด้วย
3. ชนิดกระดาษและความหนาของกระดาษ ร้านการ์ดจะมีชนิดกระดาษให้เราเลือกหลายแบบ ซึ่งกระดาษแต่ละชนิดก็จะให้ความรู้สึกของเนื้อสัมผัสที่แตกต่างกันออกไป ความหนาของกระดาษก็จะแตกต่างกันไปด้วย ความหนาของกระดาษนี้ยิ่งหนาจะยิ่งให้ความรู้สึกหรูหรา ราคาก็จะแปรผันไปตามความหนาด้วย เราสามารถเลือกความหนาและชนิดกระดาษให้เข้ากับธีมงานของเราได้ แต่อย่าลืมดูงบด้วยว่าราคายังอยู่ในงบรึเปล่า

4. เทคนิคพิเศษต่างๆ การ์ดมาตรฐานเริ่มต้นจะเป็นแค่กระดาษ การ์ดแต่งงาน ที่มีความหนาประมาณ 230 แกรม พิมพ์ 4 สี แต่หากเราต้องการเพิ่มมูลค่าของการ์ด หรืออยากให้การ์ดดูสวยขึ้น ดูเก๋ขึ้น หรือดูดีขึ้น เราสามารถเพิ่มลูกเล่นหรือที่เรียกว่าเพิ่มเทคนิคพิเศษเข้าไปได้ ซึ่งเทคนิคพิเศษที่ว่านี้ ได้แก่
- การปั๊มฟอยล์ จะเพิ่มมูลค่าของการ์ดโดยให้ความรู้สึกที่ดูหรูหราขึ้น ดูพิเศษขึ้น
- การปั๊มนูน หรือปั๊มจม เป็นเทคนิคที่ทำให้ตัวอักษรในการ์ดมีลักษณะนูนขึ้น หรือจมไปกับกระดาษ เพิ่มลูกเล่น ทำให้การ์ดดูเก๋ขึ้น ดูมีความพิเศษกว่าการ์ดปกติทั่วไป


บ่าวสาวสามารถเลือกเทคนิคพิเศษต่างๆเหล่านี้ได้ตามความชอบ หรือตามสไตล์ของคู่ตัวเองได้เลย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นอย่าลืมดูงบประมาณที่ตั้งไว้ด้วย เพราะเทคนิคพิเศษแต่ละอันก็จะมีค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นตามจำนวนที่เราเลือกมีว่าจะใช้กี่เทคนิคราคาก็เพิ่มไปตามนั้น
Leave a Reply