ความหมายของพิธีสวมแหวน
เมื่อเจ้าบ่าวและเจ้าสาวผ่านพิธีการต่างๆเข้ามายังพื้นที่จัดงานหมั้นแล้ว ในขั้นตอนต่อไปก็จะเป็นพิธีสวมแหวนหมั้น โดยความหมายและใจความสำคัญของพิธีนี้ก็คือการแต่งงานของคู่บ่าวสาว ที่จะมีคุณพ่อคุณแม่ของทั้งสองฝ่ายรวมถึงเถ้าแก่ขึ้นนั่งอยู่บนเวที แขกรับเชิญที่มาร่วมงานทุกท่านจะร่วมกันเป็นสักขีพยานในการหมั้นหมายและการแต่งงานของทั้ง 2 ครอบครัว

ขั้นตอนของพิธีสวมแหวน
การสวมแหวนจะเริ่มจากฝ่ายชายเป็นผู้สวมแหวนให้กับฝ่ายหญิง โดยตามประเพณีดั้งเดิมฝ่ายชายจะถือพานแหวนและกลับหลังหันไปให้เถ้าแก่ฝั่งเจ้าบ่าวเป็นคนหยิบแหวนออกมาจากกล่อง หลังจากนั้นจึงวางพานแหวนลง รับเฉพาะตัวแหวนและหันกลับมานั่งพับเพียบเพื่อสวมแหวนให้กับเจ้าสาว พิธีกรก็จะให้โอกาสเจ้าสาวเป็นฝ่ายได้แสดงการขอบคุณแก่เจ้าบ่าวด้วยการกราบลงที่ตัก หรือกราบที่บริเวณอกของเจ้าบ่าวแทนก็ได้ โดยที่เจ้าบ่าวจะเป็นฝ่ายประคองมือที่พนมของเจ้าสาวใว้


แต่ในยุคปัจจุบัน คู่บ่าวสาวจะถือความสะดวกเป็นหลัก เพราะนอกจากความลำบากแล้ว อีกเหตุผลหนึ่งคืออาจจะทำให้ชุดของทั้งเจ้าบ่าวและเจ้าสาวยับและไม่เรียบร้อยจากการคุกเข่าและหันหลังไปมา อีกปัจจัยหนึ่งคือเรื่องการถ่ายภาพที่จะต้องการให้ตำแหน่งของคู่บ่าวสาวอยู่ตรงกลางของเวที ถ้ามีการขยับอยู่บ่อยๆอาจจะทำให้ตำแหน่งของคู่บ่าวสาวคลาดเคลื่อนได้ ในปัจจุบันก็จะปรับเปลี่ยนเป็นให้เจ้าบ่าวเป็นผู้หยิบแหวนออกมาจากพานแหวนเพื่อสวมลงที่นิ้วนางข้างซ้ายของเจ้าสาวได้เลย โดยขั้นตอนต่อไปก็จะเป็นการกราบขอบคุณจากฝั่งเจ้าสาวเหมือนขั้นตอนปกติ

หลังจากนั้นคุณพ่อของเจ้าสาวก็จะหยิบแหวนออกมาจากกล่องแหวนและส่งต่อให้เจ้าสาว เพื่อให้เจ้าสาวนำไปสวมที่นิ้วนางข้างซ้ายของเจ้าบ่าว หลังจากที่จบพิธีสวมแหวนแล้ว อาจจะมีการเก็บภาพและบันทึกวีดีโอจากทีมงาน ก่อนที่จะปรับเปลี่ยนเวทีเพื่อรองรับพิธีต่อไป
ในลำดับขั้นตอนพิธีการสวมแหวนมีการปรับเปลี่ยนไปตามยุคสมัย ตามพื้นที่ และยังขึ้นอยู่กับความต้องการของคู่บ่าวสาว โดยในบางประเพณีอาจจะมีการให้คู่บ่าวสาวเข้าไปกราบที่ตักของคุณพ่อคุณแม่ทั้งสองฝ่ายก่อนที่จะเริ่มพิธีสวมแหวน แต่ในบางพื้นที่บางประเพณี ก็จะให้คู่บ่าวสาวเข้าไปกราบที่ตักของคุณพ่อคุณแม่หลังจากทำพิธีสวมแหวนเสร็จแล้ว โดยเราอยากจะเน้นย้ำตรงนี้ว่า ขั้นตอนของพิธีการสวมแหวนจะขึ้นอยู่กับความต้องการของคู่บ่าวสาวและครอบครัวเป็นหลัก อาจจะมีแขกท่านอื่นๆ หรือคนในครอบครัวที่แนะนำประเพณีที่แตกต่างกัน ขอให้คู่บ่าวสาวเข้าใจว่า เราเลือกทางประเพณีแบบนี้ตามเหตุผลส่วนตัวของเรา มากกว่าที่จะทำตามประเพณีแบบดั้งเดิม เพราะจนถึงทุกวันนี้แล้ว เราก็ไม่ทราบได้ว่าประเพณีแบบดั้งเดิมแบบไหนที่ถูกต้องกันแน่