รูปแบบการจัดเลี้ยง ในงานแต่งงานมีกี่แบบ
รูปแบบการจัดเลี้ยง เป็นอีกสิ่งสำคัญที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวต้องตัดสินใจเลือกและไตร่ตรองให้ถี่ถ้วนเพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของตัวเองและครอบครัว
เราจะขอพูดถึง 3 รูปแบบการจัดเลี้ยงที่นิยมใช้กันในงานแต่งงานของคนไทย
รูปแบบการจัดเลี้ยง แบบบัฟเฟ่ต์

1. บัฟเฟ่ต์ เป็น รูปแบบการจัดเลี้ยง ที่แขกจะต้องเดินตักอาหารด้วยตนเอง โดยสามารถเลือกตักเฉพาะเมนูที่ตนเองชอบทาน จำนวนกี่รอบก็ได้ โรงแรมจะจัดอาหารใส่ถาดจัดเรียงเป็นไลน์อาหารเอาไว้ให้อย่างสวยงามและหลากหลาย มีพนักงานคอยยืนดูแลและเติมอาหารอยู่ห่างๆ
ข้อดี
- แขกมีที่นั่งทานอาหารทุกคน เพราะโรงแรมจะจัดโต๊ะไว้ตามจำนวนแขกที่เจ้าภาพแจ้งไว้
- แขกทานอิ่ม เพราะอาหารส่วนใหญ่เป็นอาหารหนักท้อง (ข้าว+กับข้าว)
- อาหารมีความหลากหลายทั้งคาวหวาน ทั้งอาหารไทยและอาหารนานาชาติ
ข้อเสีย
- เรื่องความสวยงาม อาหารจะถูกจัดไว้สวยงามในช่วงเริ่มงาน แต่เมื่อแขกเริ่มตักอาหารแล้ว อาหารอาจจะดูไม่สวยงามนักสำหรับแขกที่มาตักทีหลัง
- ถ้าแขกมาไม่พร้อมกัน แขกที่มาทีหลังก็อาจจะไม่เหลืออาหารดีดีให้ทานสักเท่าไร เพราะแขกท่านอื่นเลือกตักทานไปหมดแล้ว
รูปแบบการจัดเลี้ยง แบบโต๊ะจีน
2. โต๊ะจีน เป็น รูปแบบการจัดเลี้ยง ที่แขกจะนั่งกันเป็นโต๊ะกลม โต๊ะละ 8-10 ที่นั่ง เสิร์ฟอาหารเป็นเซตเมนูเหมือนกันและพร้อมกันทุกโต๊ะ อาหารจะถูกจัดเสิร์ฟในจานขนาดใหญ่ แขกแต่ละโต๊ะจะตักแบ่งทานกันภายในโต๊ะของตัวเอง ให้ความรู้สึกคุ้นเคยเหมือนการรับประทานอาหารกับครอบครัว เหมาะกับงานที่มีแขกผู้ใหญ่จำนวนมาก
ข้อดี
- แขกมีที่นั่งทานทุกคน เพราะโรงแรมจะจัดโต๊ะไว้ตามจำนวนแขกที่เจ้าภาพแจ้งจำนวนโต๊ะไว้
- แขกทานอิ่ม เพราะอาหารจะถูกจัดมาอย่างพอเพียงสำหรับแขก 8-10 คน/โต๊ะ และจะลงอาหารเมื่อมีแขกนั่งแล้ว 70-80% ขึ้นไป
- หลายคนเลือกจัดเลี้ยงแบบโต๊ะจีน เพราะอาหารจะดูดี มีความหรูหราให้เลือกได้หลายระดับ ทำให้เป็นหน้าเป็นตาให้กับเจ้าภาพ
ข้อเสีย
- ต้องนับจำนวนแขกที่จะมาให้ดี เพราะโต๊ะจีนมีข้อจำกัดในการเพิ่มอาหาร หากเราคำนวณไม่ดี แล้วหน้างานแขกมาเกินกว่าที่โรงแรมสำรองโต๊ะไว้ให้ ทำให้แขกไม่มีที่นั่ง ไม่มีอาหารทาน จะทำให้งานดูแย่มากๆในสายตาแขก
- นอกจากต้องนับจำนวนแขกแล้ว ยังต้องทำการบ้านเรื่องจัดคนลงโต๊ะอย่างละเอียดอีกด้วย เพราะถ้าไม่จัด ปล่อยให้แขกเลือกที่นั่งได้ตามสบาย หน้างานจะเกิดความวุ่นวาย เพราะส่วนใหญ่แขกจะไม่อยากนั่งกับคนที่ตนเองไม่รู้จัก จะทำให้เกิดปัญหานั่งไม่ครบตามจำนวนที่กำหนดไว้ต่อโต๊ะ ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายบานปลายได้
รูปแบบการจัดเลี้ยง แบบค็อกเทล


3. ค็อกเทล เป็น รูปแบบการจัดเลี้ยง ที่ไม่เป็นทางการ เน้นความเป็นกันเอง แขกจะไม่มีโต๊ะให้นั่ง แต่จะเป็นการยืนทานอาหารแทน อาหารจะมีลักษณะเป็นคำเล็กๆที่จัดมาอย่างสวยงามเพื่อให้ทานง่าย มีอาหารให้บริการตลอดทั้งงาน ซึ่งสำหรับงานของคนไทยงานค็อกเทลจะมีการประยุกต์โดยการลงโต๊ะกลม ที่เรียกว่าโต๊ะ VIP สำหรับแขกผู้ใหญ่ในงานที่ยืนทานอาหารไม่สะดวก จำนวนก็ขึ้นอยู่กับสถานที่ว่าลงโต๊ะได้กี่โต๊ะตามความเหมาะสม แต่ไม่ควรเกิน 20% จากจำนวนแขกทั้งหมด
ข้อดี
- เหมาะสำหรับงานที่จำนวนแขกไม่แน่นอน บ่าวสาวไม่ต้องกังวลเรื่องที่นั่งของแขก และการเพิ่มอาหารหน้างาน
- แขกสามารถเดินทักทายพูดคุยกันได้อย่างสะดวกเพราะไม่จำเป็นต้องนั่งประจำอยู่ที่โต๊ะของตัวเอง
ข้อเสีย
- แขกอาจจะไม่อิ่มเพราะ อาหารถูกจัดเป็นคำเล็กๆ เพื่อให้ยืนทานได้ง่าย แต่ก็สามารถแก้ปัญหาได้ด้วยการเพิ่มซุ้มอาหารที่เป็นอาหารหนักท้องเข้าไปได้ เช่น กระเพาปลา, ข้าวหมูแดง เป็นต้น
- สำหรับงานเลี้ยงฉลองที่แขกผู้หญิงแต่งตัว แต่งหน้ากันมาอย่างสวยงาม อาจจะไม่สะดวกในการยืนรับประทานอาหารมากนัก และอาจจะทำให้ชุดเลอะได้
งานแต่งงาน เลือกจัดเลี้ยงแบบไหนดี
รูปแบบการจัดเลี้ยง จะดีหรือไม่ดี ขึ้นอยู่กับว่าเหมาะสมกับงานและแขกของเรา เช่น งานที่แขกส่วนใหญ่ 70-80% เป็นผู้สูงวัย ก็จะไม่เหมาะกับการจัดเลี้ยงแบบค็อกเทลที่ไม่มีที่นั่งให้แขก และอาจไม่เหมาะกับจัดเลี้ยงแบบบัฟเฟ่ เพราะผู้ใหญ่ไม่สะดวกจะลุกเดินไปตักอาหารเอง จึงอาจจะต้องเลือกเป็นการจัดเลี้ยงแบบโต๊ะจีนแทนเป็นต้น
เลือกผสม รูปแบบการจัดเลี้ยง ได้รึปล่าว
สิ่งที่เราจะไม่แนะนำเลยก็คือการจัดเลี้ยงแบบผสมในงานเดียว ยกตัวอย่างเช่น แขก 80% จัดเลี้ยงแบบค็อกเทล และอีก 20% จัดเลี้ยงแบบโต๊ะจีน เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ แขกที่จัดให้ทานโต๊ะจีน ก็จะเดินไปตักอาหารค็อกเทลด้วย อาหารสำหรับแขกทานค็อกเทลก็จะไม่พอ และอาหารโต๊ะจีนก็จะเหลือทิ้งเป็นต้น
ไม่ว่าคุณจะเลือกการจัดเลี้ยงแบบไหนก็อย่างลืมคำนวนค่าใช้จ่ายทั้งหมดให้พอดีนะ การจดข้อมูลลงใน Ease Planner จะช่วยทำให้คุณมองเห็นภาพงบประมาณโดยรวมได้ดียิ่งขึ้น
Leave a Reply