ชุดเจ้าสาว

เตรียมตัวก่อนเลือกร้านชุดเจ้าสาว
ขั้นตอนที่ 1: รู้จักรูปแบบการให้บริการชุดเจ้าสาว
1. เช่า

เป็นการยืมชุดที่ทางร้านตัดเสร็จเรียบร้อยแล้ว ซึ่งมีทั้งชุดที่เป็นของใหม่และชุดที่ผ่านการใช้งานมาแล้ว ทางร้านจะปรับแก้ขนาดให้กับเราได้ในระดับหนึ่ง เหมาะกับเจ้าสาวที่มีหุ่นหรือสัดส่วนที่ค่อนข้างมาตรฐานทั่วไป เช่น ช่วงตัวไม่ยาวไป หรือสั้นไป เพราะการแก้ชุดมีข้อจำกัดอยู่ ไม่ใช่ว่าจะสามารถแก้ให้เป็นไปตามสัดส่วนของเราได้ทั้งหมด นอกจากนี้ยังเหมาะกับเจ้าสาวขี้กลัวที่ไม่อยากไปเสี่ยงหรือลุ้นกับชุดตัดใหม่ที่ไม่รู้ว่าตัดออกมาแล้วจะชอบหรือถูกใจหรือเปล่า

ข้อดี

  • ราคาประหยัด
  • เจ้าสาวจะได้เห็นชุดก่อนเลยว่าหน้าตาเป็นอย่างไร ไม่ต้องลุ้นเหมือนชุดที่ตัดใหม่

ข้อเสีย

  • ไม่สามารถปรับแก้แบบในส่วนที่เราไม่ชอบได้ การเช่าจะแก้ได้เฉพาะไซส์หรือดีเทลเล็กๆน้อยๆเท่านั้น
  • หากระยะการจองคิวชุดมีระยะเวลายาวนาน มีโอกาสที่จะมีคนมาเช่าก่อนหน้าเราได้ จึงมีความเสี่ยงที่ชุดอาจจะดูเก่าลง หรือ ไม่สมบูรณ์เหมือนครั้งแรกตอนที่เราเห็นชุดได้
2. เช่าตัด

เป็นการยืมชุดที่ตัดขึ้นมาใหม่สำหรับเราโดยเฉพาะ สามารถออกแบบชุดเองได้ตามแบบที่เราชอบโดยมีช่างของทางร้านคอยแนะนำให้คำปรึกษาและตัดขึ้นใหม่ตามสัดส่วนของเรา เหมาะสำหรับเจ้าสาวที่อยากออกแบบชุดแต่งงานของตัวเอง มีสไตล์หรือแบบชุดที่ชอบอย่างชัดเจน หรือเจ้าสาวที่อยากใส่ชุดมือ1 แต่ไม่อยากต้องเก็บชุดไว้เองหลังจบงาน รวมถึงราคายังประหยัดว่าตัดซื้อมาก การเช่าตัดคือทางเลือกที่เหมาะสมกับเจ้าสาวที่มีสัดส่วนที่ไม่ได้มาตรฐาน ไม่มีไซส์ชุดเช่าที่สามารถใส่ได้พอดีกับสัดส่วนของตัวเอง

ข้อดี

  • เจ้าสาวสามารถออกแบบชุดในฝันของตัวเองได้ 
  • ชุดสวย เป๊ะ ปัง เพราะออกแบบและตัดเย็บให้เหมาะกับหุ่นของเรามากที่สุด 
  • ราคาประหยัดกว่าการตัดซื้อ (แต่ก็แพงกว่าเช่ากว่าเท่าตัว)
  • ไม่ต้องเก็บชุดไว้เองหลังจบงาน เพราะชุดเจ้าสาวใช้พื้นที่เก็บขนาดใหญ่และดูแลรักษายาก 

ข้อเสีย

  • หากเจอร้านที่ตามใจเจ้าสาวมากๆ แต่แบบที่เจ้าสาวเลือกมาไม่เหมาะกับหุ่นของตัวเอง ตัดเสร็จออกมาอาจจะใส่แล้วไม่แฮปปี้อย่างที่หวังไว้
  • ชุดเจ้าสาวตัดใหม่ใช้เวลาในการตัดนาน (ต้องดูคิวการตัดของร้านด้วย) หากเจ้าสาวมีระยะเวลาในการเตรียมงานไม่นานมาก หรือคุยกับทางร้านแล้วระยะเวลาในการตัดค่อนข้างกระชั้นชิดกับงานการตัดใหม่อาจจะไม่เหมาะ เพราะถ้าเกิดอุบัติเหตุขึ้นระหว่างทางเจ้าสาวจะเครียดได้ หรืออาจแย่ถึงขั้นแก้ปัญหาได้ไม่ทัน ควรมีเวลาให้ชุดเสร็จ 70-80% ก่อนงานอย่างน้อย 1 เดือน เพราะหากมีปัญหาจะได้ยังมีเวลาแก้ไขทัน เจ้าสาวก็จะได้ไม่เครียดด้วย
3. ตัดซื้อ

เหมือนเช่าตัดทุกประการ เพียงแต่เป็นการซื้อขาดเลย เหมาะสำหรับเจ้าสาวที่อยากมีชุดแต่งงานในฝันเก็บไว้ครอบครอง โดยเฉพาะจากแบรนด์หรือดีไซน์เนอร์ในดวงใจเพราะส่วนใหญ่จะเป็นการซื้อขาดแทบทั้งสิ้น

ข้อดี

  • เจ้าสาวสามารถออกแบบชุดในฝันของตัวเองได้ ได้ชุดสวยไม่ซ้ำใคร 
  • ชุดสวย เป๊ะ ปัง เพราะออกแบบและตัดเย็บให้เหมาะกับหุ่นของเจ้าสาว

ข้อเสีย

  • ราคาสูง
ขั้นตอนที่ 2: ตั้งงบประมาณ

เมื่อเราทราบแล้วว่ารูปแบบการให้บริการชุดเจ้าสาวมีอะไรบ้าง ขั้นต่อมาก็คือการตั้งงบ งบจะเป็นตัวช่วยในการคัดกรองว่าเราจะสามารถเลือกใช้บริการแบบไหนได้บ้าง จะได้เป็นแนวทางในการมองหาร้านมาเป็นตัวเลือกได้ต่อไป เพราะร้านแต่ละร้านก็จะมีความโดดเด่นแตกต่างกัน บางร้านมีชื่อเรื่องทำชุดเช่าตัดสวยมากแต่ไม่ได้เอาชุดลูกค้ามาไว้ให้เช่าต่อ (ก็คือมีบริการเช่าตัดอย่างเดียว) หรือบางร้านมีชื่อเรื่องชุดเช่าที่แบบชุดสวยอลังการและราคาน่ารัก เป็นต้น เราจะได้ไม่เสียเวลาไปร้านที่ไม่ตรงตามเป้าหมายของเรา

ขั้นตอนที่ 3: เช็คระยะเวลาในการเตรียมตัว

อย่างที่อธิบายไปข้างต้นว่าชุดเจ้าสาวตัดใหม่จะใช้เวลาค่อนข้างนาน ดังนั้นเวลาในการเตรียมตัวก่อนถึงวันงานจึงเป็นตัววัดด้วยเช่นกันว่าเราจะสามารถใช้บริการชุดเจ้าสาวแบบไหนได้บ้าง บางครั้งงบพอดีแต่เวลาไม่ได้ ทางเลือกเราอาจจะเหลือแค่การเช่าเพียงแบบเดียว หรือระยะเวลาสั้นแต่แบบชุดที่เรารวบรวม Reference ไว้ เป็นแบบเรียบๆ มินิมอล แบบนี้ระยะเวลาสั้นก็อาจจะเลือกใช้บริการแบบตัดได้เช่นกัน 

เมื่อทราบรูปแบบการให้บริการและข้อมูลครบทั้ง 3 เรื่องแล้ว รวม Reference เสร็จแล้ว ก็เริ่มทำการจดรายชื่อร้านชุดเจ้าสาวที่เราสนใจและเตรียมตัวไปเยี่ยมชมที่หน้าร้านได้เลย

เลือกร้านและจองแพ็คเกจชุดเจ้าสาว

เมื่อเราจดรายชื่อร้านชุดเจ้าสาวที่เราสนใจได้แล้ว เบื้องต้นควรทักไปสอบถามรายละเอียดเรื่องแพ็คเกจค่าใช้จ่ายและเงื่อนไขต่างๆให้เรียบร้อยก่อน เพื่อนำข้อมูลมาเปรียบเทียบและคัดเลือกร้านให้เหลือตัวเลือกน้อยที่สุดสำหรับไปดูชุดของจริงที่หน้าร้านก่อนตัดสินจัดซื้อแพ็คเกจ

ไม่ว่าเจ้าสาวจะเลือกใช้บริการชุดเจ้าสาวแบบไหนก็ตาม จะเป็นการเช่า เช่าตัด หรือตัดซื้อ สิ่งที่ควรทำก่อนตัดสินใจซื้อแพ็คเกจคือการไปดูชุดของจริงก่อน ถ้าเป็นไปได้ควรได้ลองชุดของทางร้านด้วยได้จะยิ่งดี เพราะชุดเจ้าสาวจะต้องสวยทั้งการถ่ายรูปและสวยด้วยตาเปล่า บางครั้งการที่เราดูผลงานจากภาพอย่างเดียวแล้วตัดสินใจจองแพ็คเกจเลยอาจจะทำให้เสียใจในภายหลังได้ เพราะหลายครั้งที่เราก็จะได้ยินดราม่าชุดของจริงไม่ตรงปกอยู่บ่อยๆ

นอกจากการดูคุณภาพชุดของจริงแล้ว ถ้าเป็นไปได้ก็ควรจะได้ลองชุดของทางร้านด้วย เพราะแต่ละร้านมีแพทเทิร์น เทคนิคการตัดเย็บที่แตกต่างกัน ถึงแม้ว่ามองเผินๆอาจจะเป็นชุดทรงเดียวกัน แบบคล้ายๆกัน แต่เชื่อเถอะว่าแพทเทิร์นหรือเทคนิคการทำชุดไม่เหมือนกันอย่างแน่นอน และสิ่งเหล่านี้นี่แหละที่จะเป็นตัวชี้วัดว่าใส่ออกมาแล้วจะสวยไหม ชุดที่สวยบนไม้แขวนใช่ว่าจะสวยบนตัวเราเสมอไป ดังนั้นก่อนตัดสินใจเลือกควรได้ลองชุดให้แน่ใจก่อนจะได้ไม่ผิดหวังภายหลัง

ข้อมูลที่ควรทราบเพื่อนำมาเปรียบเทียบสำหรับการเลือกร้านชุด

รูปแบบการเช่า

  1. ราคา วิธีการชำระเงิน และจำนวนวันที่เช่า
  2. เงินประกันชุดและการวิธีการคิดเงินค่าปรับหรือค่าความเสียหายของชุด
  3. วิธีการรับชุด และคืนชุด
  4. นโยบายการปล่อยเช่าชุดที่มีการจองคิวแล้ว เช่น หากลูกค้าจองคิวแล้วจะไม่มีการปล่อยคิวก่อนหน้าคิวที่จองอย่างน้อย 1 เดือน หรือ เมื่อลูกค้าจองคิวแล้วก่อนถึงงานของลูกค้าจะไม่มีการปล่อยคิวให้กับลูกค้าท่านอื่นแล้ว เป็นต้น
  5. การปรับเปลี่ยน แก้ไขแบบชุดทำได้มากน้อยขนาดไหน
  6. สามารถไปลองชุดก่อนตัดสินใจได้หรือไม่
  7. วันงานมีทีมงานไปดูแลและใส่ชุดให้ด้วยหรือไม่ (สำหรับการเช่าชุดไทยที่เป็นแบบนุ่งสด หรือต้องมีการเย็บสดหน้างาน แนะนำว่าให้มีคนจากทางร้านมาใส่ให้ ไม่แนะนำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายโดยการให้เพื่อนเป็นคนทำแทน เพราะเสี่ยงเกิดความผิดพลาดที่หน้างานมากๆ)
  8. ชุดซับในต่างๆ (ซิลิโคนแปะหน้าอก,กางเกงซับใน,คอร์เซท) ทางร้านเตรียมให้ด้วยหรือไม่
  9. ทางร้านมีเครื่องประดับให้ยืมหรือไม่
  10. ราคารวมอุปกรณ์เสริมอย่างเวล หรือถุงมือด้วยหรอไม่
  11. ถ้าเช่าชุดวันจริง แถมชุดถ่ายพรีเวดดิ้งให้ด้วยได้หรือไม่
  12. เงื่อนไขการยกเลิก หรือเลื่อนวันจัดงาน หรือส่งต่อแพ็คเกจให้คนอื่น
  13. ขั้นตอนและระยะเวลาในการฟิตติ้งชุด

รูปแบบการเช่าตัด

  1. ราคา วิธีการชำระเงิน และจำนวนวันที่เช่า
  2. เงินประกันชุดและการวิธีการคิดเงินค่าปรับหรือค่าความเสียหายของชุด
  3. วิธีการรับชุด และคืนชุด
  4. ทางร้านมีชุดให้ลองเพื่อดูแพทเทิร์นและคัตติ้งของทางร้านก่อนไหม
  5. ขั้นตอนรวมถึงระยะเวลาในการออกแบบ และฟิตติ้งชุด
  6. สามารถแก้แบบได้กี่ครั้ง
  7. วันงานมีคนไปดูแลและใส่ชุดให้หรือไม่ 
  8. ชุดซับในต่างๆ (ซิลิโคนแปะหน้าอก,กางเกงซับใน,คอร์เซท) ทางร้านเตรียมให้ด้วยหรือไม่
  9. ทางร้านมีเครื่องประดับให้ยืมหรือไม่
  10. ราคารวมอุปกรณ์เสริมอย่างเวล หรือถุงมือด้วยหรอไม่
  11. ถ้าเช่าชุดวันจริง แถมชุดถ่ายพรีเวดดิ้งให้ด้วยได้หรือไม่
  12. เงื่อนไขการยกเลิก หรือเลื่อนวันจัดงาน หรือส่งต่อแพ็คเกจให้คนอื่น

รูปแบบการตัดซื้อ

  1. ราคา วิธีการชำระเงิน
  2. ทางร้านมีชุดให้ลองเพื่อดูแพทเทิร์นและคัตติ้งของทางร้านก่อนไหม
  3. ขั้นตอนรวมถึงระยะเวลาในการออกแบบ และฟิตติ้งชุด
  4. สามารถแก้แบบได้กี่ครั้ง
  5. วันงานมีคนไปใส่ชุดให้หรือไม่ 
  6. ชุดซับในต่างๆ (ซิลิโคนแปะหน้าอก,กางเกงซับใน,คอร์เซท) ทางร้านเตรียมให้ด้วยหรือไม่
  7. ทางร้านมีเครื่องประดับให้ยืมหรือไม่
  8. ราคารวมอุปกรณ์เสริมอย่างเวล หรือถุงมือด้วยหรอไม่
  9. ถ้าเช่าชุดวันจริง แถมชุดถ่ายพรีเวดดิ้งให้ด้วยได้หรือไม่
  10. เงื่อนไขการยกเลิก หรือเลื่อนวันจัดงาน หรือส่งต่อแพ็คเกจให้คนอื่น
ชุดเจ้าสาวแบบไหน สไตล์ไหน ที่เหมาะกับเรา 

เจ้าสาวทุกคนอยากจะสวยที่สุดในวันแต่งงานของตัวเอง ชุดแต่งงานจึงเป็นสิ่งที่เจ้าสาวทุกคนให้ความสำคัญ แล้วชุดแบบไหนที่จะทำให้เจ้าสาวสวยและมั่นใจที่สุดกัน Ease Planner ขอแนะแนวทางในการเลือกชุดให้เจ้าสาวดังนี้

  1. หาความชอบของตัวเองให้เจอ ให้เริ่มจากความชอบของเราก่อน เรามักจะพูดเสมอๆว่าอะไรก็ตามที่เราเลือกจากความชอบ ไม่ว่าจะผ่านไปนานกี่ปีเราจะยังชอบสิ่งนั้นอยู่ นั่นหมายความว่าไม่ว่าเราจะกลับมาดูรูปตัวเองในชุดเจ้าสาวอีกกี่ครั้ง เราจะยังเห็นแล้วมีความสุขทุกครั้งและสังเกตสิว่าเราจะมั่นใจเวลาเราใส่ชุดที่เราชอบ
  2. ลองชุดทุกทรง ไม่ว่าจะเป็น Mermaid, A-line, Ball gown หรือทรงอื่นๆ ร้านที่เราเลือกใช้บริการมีกี่ทรงให้ขอลองทุกทรง โดยเริ่มจากทรงที่เราชอบและอยากใส่ก่อน เพราะบางครั้งความชอบกับความเหมาะสมก็ไม่ได้ไปด้วยกัน เพราะหุ่นเราอาจจะไม่เหมาะกับทรงที่เราชอบก็เป็นได้ แต่ถ้าทรงที่เราชอบใส่แล้วสวยด้วยก็เรียกว่าแฮปปี้สุดๆ แต่ถ้าใส่ทรงอื่นแล้วสวยกว่า หรือทรงที่เราชอบใส่แล้วไม่รอดเลย เราแนะนำว่าทรงที่คุณใส่แล้วสวยจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่า เพราะอย่าลืมว่าโจทก์ของเราคือสวยและมั่นใจที่สุดในวันงาน
  3. อย่าตามกระแสหรือแฟชั่น หากกระแสหรือแฟชั่นไม่ใช่สไตล์หรือความชอบของคุณจริงๆ เพราะคุณอาจจะทันสมัยและมีความสุขแค่ในวันนั้น แต่พอเวลาผ่านไปคุณกลับมาดูรูปอีกครั้งคุณอาจจะรู้สึกว่าคุณทำอะไรลงไป เพราะนั่นมันไม่ใช่ตัวฉันเลย และต้องมาเสียใจหรือเสียดายทีหลังได้