รูปแบบการให้บริการการตกแต่งในงานแต่งงาน
ก่อนอื่นเรามาทำความเข้าใจกันก่อนว่ารูปแบบการให้บริการการตกแต่งในงานแต่งงานมีลักษณะอย่างไร โดยส่วนใหญ่จะเป็นลักษณะการเช่าเหมารวมครบจบ หมายถึง ออกแบบ – ผลิต – ติดตั้ง – และรื้อถอน ครบจบในเจ้าเดียว บ่าวสาวติดต่อกับร้านเดียวแล้วจบเลย โดยแต่ละร้านจะมีรายละเอียดที่อาจจะแตกต่างกันออกไป






ออกแบบ
งานออกแบบนั้นมีทั้งเป็นการที่ร้านออกแบบไว้แล้วเป็น collection ของทางร้านโดยเฉพาะแล้วเราจิ้มเลือกเอา ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงรายละเอียดได้ หรือเป็นการออกแบบใหม่ตามคอนเซ็ปของเรา เป็นงานที่ออกแบบมาเพื่องานเราโดยเฉพาะไม่ซ้ำใคร หรือบ่าวสาวสามารถออกแบบได้เองโดยการส่ง reference แบบที่ต้องการให้ร้าน ซึ่งไม่ว่าจะเป็นรูปแบบใด ทางร้านอาจจะมีการทำกราฟฟิคภาพ 2D หรือ 3D ให้เราดูหรืออาจจะไม่มีก็ได้ ขึ้นอยู่กับรายละเอียดที่ทางร้านแจ้งไว้ซึ่งเป็นสิ่งที่ควรสอบถามให้ชัดเจนตั้งแต่ก่อนทำสัญญา และเพื่อเป็นข้อมูลในการเปรียบเทียบกับร้านอื่นๆประกอบการตัดสินใจเลือกด้วย
งานผลิต
มีทั้งแบบที่ใช้วัสดุวนซ้ำ และใช้วัสดุใหม่ขึ้นงานใหม่ ความแตกต่างก็จะอยู่ที่ความเนียบของงานเพราะการใช้วัสดุใหม่ในการขึ้นงานย่อมจะเนี๊ยบกว่าการทำวัสดุที่เคยใช้แล้วกลับมาวนใช้ซ้ำอีกรอบ ยกตัวอย่างให้เห็นภาพเช่น แบคดรอปถ่ายภาพที่เป็นโครงสร้างไม้ที่เราเห็นฉากใหญ่ๆในงาน เกิดจากการนำไม้เป็นชิ้นๆมาต่อกันให้ได้ขนาดที่เราต้องการ ซึ่งการต่อโดยใช้ไม้ใหม่ที่ยังไม่ผ่านการใช้งานเลยการปิดรอยต่อจะทำได้เนี๊ยบกว่าการใช้ไม้ที่เคยผ่านการทำสีมาแล้วแล้วต้องมาขัดสี การโป๊วรอยต่ออาจจะไม่เนี๊ยบเห็นเป็นเส้นรอยต่อไม้ได้ นอกจากนี้งานตกแต่งงานแต่งเป็นงานที่ใช้ระยะสั้น ติดตั้งแปปเดียวแล้วก็ต้องรื้อถอน ขนย้ายไปๆมาๆ ซึ่งก็อาจจะทำให้อุปกรณ์ วัสดุที่ใช้วนซ้ำ สภาพไม่สมบูรณ์นัก ซึ่งหากบ่าวสาวจะเลือกใช้ร้านที่มีการใช้วัสดุวนซ้ำร่วมอยู่ด้วย แนะนำให้ขอดูสภาพปัจจุบันก่อนว่าอยู่ในสภาพที่เรารับได้ไหม หรือควรหาโอกาสไปดูงานติดตั้งจริงที่ร้านทำให้กับลูกค้าท่านอื่นก่อน เพื่อดูว่าผลงานจริงเป็นมาตรฐานที่เรารับได้หรือไม่ เพราะความเนี๊ยบแต่ละคนก็ไม่เท่ากัน บางครั้งโอเคของคนอื่นเราอาจจะไม่โอเคก็เป็นได้
งานผลิตที่ใช้วัสดุวนซ้ำกับงานผลิตที่ใช้วัสดุใหม่อีกสิ่งหนึ่งที่แตกต่างกันก็คือราคา การผลิตโดยใช้วัสดุใหม่ย่อมจะราคาสูงกว่า นอกจากนี้หากบ่าวสาวเลือกงานออกใหม่ ไม่ซ้ำใคร ย่อมหลีกเลี่ยงงานผลิตที่ใช้วัสดุใหม่ไม่ได้ เพราะคนออกแบบงานจะออกแบบตามคอนเซ็ปที่บ่าวสาวให้ ไม่ใช่ออกแบบตามวัสดุที่มีอยู่ งานออกแบบใหม่จึงจะมาคู่กับงานผลิตใหม่ไปในตัว
การติดตั้ง
การติดตั้งจะมาคู่กับเรื่องของเวลา เมื่อเราได้สถานที่จัดงานแล้ว สิ่งที่ต้องเช็คคือเรื่องของเวลาในการติดตั้งงานตกแต่ง ว่าสถานที่มีเวลาให้เรามากน้อยขนาดไหน เพื่อเราจะได้ไปแจ้งการทางทีมตกแต่งให้ทราบเพราะอาจจะส่งผลกับค่าใช้จ่ายที่อาจเพิ่มขึ้นหากมีระยะเวลาในการติดตั้งให้ทีมงานน้อย เช่น ระยะเวลาในการติดตั้งปกติคือ 6 ชั่วโมง แต่เนื่องจากมีคนจัดงานก่อนหน้าเรา ทำให้มีระยะเวลาในการติดตั้ง 2 ชั่วโมงเท่านั้น แบบนี้ทีมตกแต่งก็จะต้องเพิ่มทีมงานในการติดตั้ง บ่าวสาวก็จะต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมในส่วนนี้ได้ นอกเหนือจากเรื่องค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมยังมีเรื่องของศักยภาพของทีมตกแต่งอีกด้วย เพราะบางทีมก็อาจจะเป็นทีมขนาดเล็กจนไม่สามารถทำงานในกรอบระยะสั้นได้ จึงเป็นสิ่งที่บ่าวสาวก็ควรจะสอบถามให้ดีก่อน
การรื้อถอน
เวลาเราไปจัดงานในสถานที่ใดก็ตาม จะมีข้อตกลงของสถานที่ให้คืนพื้นที่ในสภาพเดิมก่อนการติดตั้ง รวมทั้งกฎระเบียบต่างๆด้วย ซึ่งหากมีความเสียหายใดๆเกิดขึ้นก็จะต้องมีคนรับผิดชอบ ดังนั้นบ่าวสาวควรส่งกฎระเบียบและข้อตกลงต่างๆให้ทางทีมตกแต่งรับทราบ รวมทั้งการเซ็นต์ข้อสัญญาในส่วนนี้กับทางสถานที่จัดงาน บ่าวสาวก็ควรแจ้งให้ทีมตกแต่งเซ็นต์รับทราบด้วย ไม่อย่างนั้นหากเกิดปัญหาขึ้นบ่าวสาวจะต้องเป็นคนรับผิดชอบก่อนแล้วจึงไปไล่เบี้ยเอากับทีมตกแต่งอีกที ซึ่งก็จะทำให้เกิดความวุ่นวายในภายหลังได้
แต่ถึงแม้การตกแต่งงานแต่งงานจะเป็นรูปแบบ “การเช่า” แต่ของบางอย่างก็อาจจะนำกลับได้หลังจบงาน เช่น ดอกไม้สด, รูปภาพตกแต่งในงาน, ป้าย welcome, กล่องใส่ซอง และอื่นๆ ขึ้นอยู่กับการตกลงกับทีมตกแต่งที่เราเลือก เป็นไปได้ก็ควรจะให้ใส่รายละเอียดเอาไว้ในใบเสนอราคา หรือสัญญาให้ชัดเจนเลยทีเดียว จะได้เอามาเปิดดูได้และไม่ผิดใจกันภายหลัง
การเตรียมตัวก่อนเลือกและคุยกับทีมตกแต่ง
เมื่อทำความรู้จักรูปแบบการให้บริการแล้วมาดูสิ่งที่เราต้องเตรียมตัวก่อนเลือกและคุยกับทีมตกแต่งกันบ้าง สิ่งแรกที่เราต้องทำก่อนคือการกำหนดงบประมาณ ซึ่งเราจะได้ตัวเลขคร่าวๆมาแล้วจากในหัวข้อ “คำนวนงบประมาณที่จะใช้ในงานแต่ง” ไม่ว่าคุณจะได้ตัวเลขมาเท่าไร ก็อย่าลืมเผื่อบวกลบเอาไว้ด้วยอีก 5-10% งบประมาณจะช่วยในการตัดตัวเลือกให้เราได้ง่ายขึ้น ถ้าเราคัดเลือกร้านที่ราคาอยู่ในงบประมาณที่เราตั้งไว้ โอกาสที่จะทำให้งบบานปลายก็มีน้อยลง
ต่อมาคือการรวบรวม reference รวมทั้งธีมสี หรือสไตล์งานที่เราอยากได้ให้พร้อม จะทำเป็นสไลด์ หรือรวบรวมเป็นอัลบั้มก็ได้ แนะนำให้แยกสิ่งที่ชอบและสิ่งที่ไม่ชอบให้ชัดเจน จะได้ง่ายต่อการทำงานของทีมตกแต่ง ยิ่งเราบอกรายละเอียดได้มากเท่าไร เราก็จะมีโอกาสได้งานที่ตรงใจเรามากขึ้นเท่านั้น เมื่อเตรียม reference พร้อมแล้วก็เตรียมนัดคุยกับร้านที่เราสนใจได้เลย