การจองช่างแต่งหน้าและช่างทำผมสำหรับครอบครัวและญาติ ถือเป็นส่วนสำคัญในการเตรียมงานเช่นกัน โดยเฉพาะถ้าปกติคุณแม่ของทางเจ้าบ่าวและเจ้าสาวไม่ได้ออกงานบ่อยๆ และไม่เคยแต่งหน้ากับช่างแต่งหน้ามืออาชีพมาก่อน ก็อาจจะทำให้ลืมและตกหล่นในขั้นตอนนี้ไปได้ มาทำความเข้าใจกันก่อนว่าถ้าเราวางแผนเรื่องการแต่งหน้าทำผมไว้ไม่ดี จะส่งผลเสียอย่างไรบ้างต่องานของเรา เราจะยกตัวอย่างเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นอยู่บ่อยๆ

อ่านต่อ..
1. จองช่างแต่งหน้าทำผมของคุณแม่เจ้าสาวและเจ้าบ่าวโดยช่างคนเดียวกัน ซึ่งเราต้องอย่าลืมว่าทั้งคุณแม่ของเจ้าสาวและคุณแม่ของเจ้าบ่าว ทั้งสองท่านเป็นบุคคลที่มีความสำคัญต่องานของเรา และต่อพิธีการทั้งหมดที่จะเกิดขึ้นในวันงาน ถ้ามีคุณแม่สักท่านหนึ่งที่ยังแต่งหน้าทำผมไม่เสร็จ พิธีก็เริ่มไม่ได้อยู่ดี ทุกคนก็ต้องนั่งรอเพราะว่าคุณแม่ยังแต่งหน้าไม่เสร็จ สาเหตุที่มักจะคำนวณเวลาพลาดคือ คุณแม่ทั้ง 2 ท่านอาจจะไม่ได้พูดคุยกันว่าท่านไหนจะเป็นคนเริ่มแต่งหน้าก่อน และอาจจะเผื่อเวลาแค่เฉพาะของตัวเอง โดยลืมนึกถึงของอีกฝั่งนึง ทำให้พอท่านแรกเริ่มต้นช้า คุณแม่ท่านต่อมาก็จะช้าไปด้วย
2. จองช่างแต่งหน้าทำผมของพี่น้องของเจ้าสาวหรือพี่น้องของเจ้าบ่าวเป็นคนๆเดียวกัน ถ้าทั้งสองครอบครัวมีพี่น้องผู้หญิงจำนวนหลายคน เราจะแนะนำให้แยกช่างกัน เคยมีเหตุการณ์ที่พี่น้องทั้งสองบ้านรวมกันทั้งหมด 5 ท่านต้องแต่งหน้าทำผมโดยช่างคนเดียวกัน คนแรกสุดก็ต้องตื่นเช้ามากๆ เพราะต้องเผื่อเวลาให้อีก 4 ท่านแต่งและทำผมด้วยเพื่อให้ทุกคนพร้อมตอนพิธีเริ่มพร้อมๆกัน มันก็จะเป็นการลำบากต่อพี่น้องคนที่ต้องเริ่มแต่งหน้าตั้งแต่เช้ามืด ซึ่งในเหตุการณ์เดียวกันถ้ามีคนใดคนหนึ่งที่มาสาย ก็อาจจะทำให้ทั้ง 5 คนไม่สามารถลงไปร่วมพิธีได้พร้อมกัน
อันนี้เป็นการยกตัวอย่างคร่าวๆของปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นกับบางคู่ถ้าไม่ได้วางแผนเรื่องเวลาไว้ให้ดีพอ ต่อมาเราจะมาพูดถึงข้อควรระวังเกี่ยวกับการจองช่างแต่งหน้าให้ครอบครัวและพี่น้องของบ่าวสาว
1. การวางแผนล่วงหน้า ให้นับจำนวนของครอบครัวและพี่น้องหรือญาติ ที่จะต้องใช้บริการการแต่งหน้าทำผมโดยช่างมืออาชีพให้ครบภายในทีเดียว เพื่อที่จะคำนวณว่าเราจำเป็นจะต้องจ้างช่างจำนวนกี่ทีม เพื่อให้เพียงพอต่อการแต่งหน้าทำผมสำหรับทุกคน และยังสามารถทำให้ทุกคนไปร่วมพิธีได้ทันเวลา
2. ปรึกษากับทีมช่างแต่งหน้าทำผม พูดคุยกับทีมช่างแต่งหน้าและทำผมของเราก่อนล่วงหน้า เพื่อให้ทุกคนเข้าใจถึงสถานการณ์ว่าเราต้องเริ่มพิธีการช่วงเช้าประมาณกี่โมง และทุกคนต้องแต่งหน้าทำผมเสร็จเรียบร้อยก่อนกี่โมง ให้ช่างแต่งหน้าทำผมเผื่อเวลาเอาไว้สำหรับการถ่ายรูปและวีดีโอเพื่อเก็บเป็นผลงานด้วย และให้สอบถามช่างไปโดยตรงว่าถ้าต้องการให้ทุกคนเสร็จพร้อมกันตอนนี้ จะต้องเริ่มแต่งหน้าทำผมตอนกี่โมง
3. ทำลำดับการแต่งหน้า เขียน List รายชื่อและเรียงลำดับการแต่งหน้าตามความสำคัญของบุคคลนั้นๆ ถ้าเป็นคุณแม่ของเจ้าบ่าวและเจ้าสาว เราจะแนะนำให้เอารายชื่อไว้เป็นอันดับแรก เพราะว่ายิ่งแต่งหน้าเสร็จเร็วเท่าไหร่คุณแม่ทั้งสองท่านก็จะมีเวลาที่จะลงไปต้อนรับแขกในบริเวณที่จัดงาน แต่ในทางกลับกัน พี่น้องของเจ้าบ่าวและเจ้าสาวอาจจะลงไปสายสักเล็กน้อยก็คงจะไม่มีปัญหาอะไร เพราะมีบางพิธีที่สามารถจะเริ่มก่อนได้ โดยที่ไม่ต้องให้พี่น้องเข้าร่วมพิธีด้วย เช่น พิธีสงฆ์
4. แจ้งลำดับกับทุกคน ให้พูดคุยและอธิบายให้ชัดเจนเรื่องคิวการแต่งหน้าทำผม และห้องที่จะใช้ในการแต่งหน้าทำผม ถ้ามีทีมช่างแต่งหน้าทำผมแค่ชุดเดียว ให้แจ้งหมายเลขห้องกับทุกคนที่อยู่ใน List เอาไว้เลยว่าทุกคนจะต้องมาแต่งหน้าทำผมที่ห้องนี้ เพราะเราไม่ต้องการให้ช่างแต่งหน้าทำผมเสียเวลาในการเก็บของเพื่อจะย้ายห้องไปตามห้องพักของแขกทุกคน กำหนดช่วงเวลาที่ชัดเจน โดยเผื่อเวลาไว้สักเล็กน้อย อย่าพยายามจัดตารางให้แน่นจนเกินไปนัก เพราะต้องอย่าลืมว่าการแต่งหน้าทำผมเป็นงานบริการเชิงศิลปะ ซึ่งแต่ละคนก็มีใบหน้าที่ไม่เหมือนกัน การเผื่อเวลาเพิ่มไว้สักเล็กน้อยจะช่วยทำให้ไม่เกิดการผิดแผนมากเกินไป จัดสรรให้แต่ละคนได้รับเวลาอย่างเหมาะสมโดยไม่รู้สึกเร่งรีบจนเกินไป
5. หา Reference ที่ชอบเตรียมเอาใว้ก่อน เราจะแนะนำให้ทั้งคุณแม่และพี่น้องหา Reference ความชอบของตัวเองเอาไว้ก่อนล่วงหน้าก่อนถึงวันงาน และรวบรวมไว้ให้เจ้าสาวเพื่อที่จะส่งต่อให้ทีมช่างแต่งหน้าได้พอมีข้อมูลเบื้องต้นที่จะเตรียมตัวทำงานให้ได้ผลลัพท์ที่ดีที่สุด รวมถึงการส่งรูปของทุกคนเพื่อให้ทีมช่างสามารถประเมินสถานการณ์ล่วงหน้าได้ดียิ่งขึ้น
6. การชำระเงิน พูดคุยเรื่องค่าบริการเอาไว้ก่อนล่วงหน้าเพื่อไม่ให้เกิดความสับสนและจ่ายเงินซ้ำซ้อน ว่าจะชำระทางไหน ด้วยวิธีอะไร ใครเป็นคนรับผิดชอบในค่าใช้จ่ายส่วนนี้ เพราะโดยปกติแล้วการจองคิวงานช่างแต่งหน้าทำผมจะต้องมีการชำระเงินมัดจำก่อนอยู่แล้วส่วนหนึ่ง
คุณแม่หรือพี่น้องท่านไหนที่มีความสามารถในการที่จะดูแลตัวเอง หรือมีช่างแต่งหน้าทำผมคู่ใจอยู่แล้ว เราก็จะแนะนำให้เลือกช่างที่ตัวเองชอบ หรือเคยใช้บริการก่อนแล้ว ส่วนคู่บ่าวสาวเราจะแนะนำให้ดูแลเฉพาะญาติ หรือ ครอบครัวที่ไม่เคยใช้บริการเกี่ยวกับการแต่งหน้ามาก่อน เช่น โดยปกติแล้วคุณแม่ไม่เคยจ้างช่างแต่งหน้ามืออาชีพเลย เพราะเขาแต่งด้วยตัวเองมาโดยตลอด ตรงจุดนี้เจ้าบ่าวเจ้าสาวอาจจะต้องให้ความสำคัญกับคุณแม่มากเป็นพิเศษอีกสักหน่อย เพื่อให้เขาเกิดความสบายใจและก็มั่นใจในวันงานสำคัญของเขาด้วยเช่นกัน